อัลลายด์ ยูนิเวอร์แซล บริษัทรักษาความปลอดภัยรายใหญ่ของสหรัฐ เผยแพร่ผลสำรวจ รายงานการรักษาความปลอดภัยโลก (World Security Report) ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกคาดว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยอย่างมากในปีหน้า เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางเศรษฐกิจและสังคม ก่อให้เกิดการโจรกรรม การฉ้อโกง และการรั่วไหลของข้อมูลละเอียดอ่อนเพิ่มมากขึ้น
การสำรวจดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่อัลลายด์รวบรวมและเผยแพร่ความคิดของบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยตั้งคำถามกับผู้บริหารที่ดูแลงบประมาณด้านความปลอดภัย 1,775 คน ใน 30 ประเทศ รวมเป็นมูลค่า 6.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 หรือ 3.3% ของรายได้ทั่วโลกของบริษัทในผลสำรวจ
ผลสำรวจพบว่า บริษัทเหล่านี้สูญเสียรายได้รวมกันมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 จากเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยสูญเสียสินค้าระดับไฮเอนด์และสูญเสียทรัพย์สินทางปัญญาทั้งจากพนักงานภายในและจากปัจจัยภายนอก โดยบริษัทในอเมริกาเหนือได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เมื่อถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับงบประมาณด้านความปลอดภัยในปีหน้านั้น 46% ตอบว่าจะ "เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก" นั่นหมายความว่าจะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ซ้ำเติมปัญหาต้นทุนในด้านอื่น ๆ ตั้งแต่เรื่องค่าจ้างไปจนถึงพลังงาน
นายสตีฟ โจนส์ ซีอีโอของอัลลายด์ ยูนิเวอร์แซล กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ในขณะที่การฉ้อโกง การปลอมแปลง และการสูญเสียทรัพย์สินทางปัญญาส่วนใหญ่เกิดจากแรงผลักดันด้านผลประโยชน์ทางการเงิน ส่วนการรั่วไหลของข้อมูลละเอียดอ่อนภายในนั้นบางส่วนมีแรงจูงใจจากอุดมการณ์ทางสังคม
"มีสถานการณ์ที่ผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจมาจากประเด็นทางสังคมหรือทางการเมือง และพวกเขาต้องการทำร้ายบริษัท หรือสร้างผลกระทบทางสังคมหรือการเมืองต่อบริษัท" นายโจนส์กล่าว