นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคได้กล่าวโจมตีหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐที่เสนอให้มีการปรับเพิ่มข้อกำหนดด้านเงินทุนในภาคธนาคาร โดยกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะกดดันให้ธนาคารต่าง ๆ ลดการปล่อยเงินกู้และจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมกับคาดหวังว่าทางการสหรัฐจะไม่บังคับใช้มาตรการดังกล่าว
นายไดมอนกล่าวในการประชุมซึ่งจัดโดยธนาคารบาร์เคลย์ในวันจันทร์ (11 ก.ย.) ว่า "การออกข้อกำหนดให้ธนาคารของสหรัฐต้องเพิ่มการสำรองเงินทุนมากกว่าธนาคารที่เป็นคู่แข่งในต่างประเทศนั้นไม่เป็นผลดีในระยะยาว หน่วยงานกำกับดูแลควรชี้แจงกับสังคมมากขึ้นเกี่ยวกับผลดี-ผลเสียของข้อกำหนดดังกล่าว" พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้ศึกษาบทเรียนจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และเฟิร์ต รีพับลิก แบงก์ (FRB) หรือไม่
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐมีแผนการที่จะกำหนดให้ธนาคารต่าง ๆ กันเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงเงินทุนสำรองทั่วโลกซึ่งเริ่มต้นขึ้นหลังจากเกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
ทั้งนี้ นายไดมอนได้ย้ำว่า แผนการดังกล่าวถือเป็นแผนการที่น่าผิดหวังอย่างมาก และเตือนว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การปล่อยเงินกู้เพื่อการจำนอง และการปล่อยกู้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับธนาคาร
นายไดมอนเตือนว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนว่าอยู่ในภาวะที่ดีในขณะนี้ แต่ก็กำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์