สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ทันทีที่ซิตี้กรุ๊ปเริ่มดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ พนักงานสนับสนุนในฝ่ายกำกับดูแลกิจการและบริหารจัดการความเสี่ยงนั้น มีแนวโน้มที่จะถูกปลดจากงานมากที่สุด
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า พนักงานฝ่ายเทคโนโลยีที่มีภาระหน้าที่ทับซ้อนกันก็เป็นอีกตำแหน่งที่เสี่ยงจะถูกปลดออกจากงาน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า กลุ่มผู้จัดการของซิตี้กรุ๊ปเริ่มต้นหารือกับพนักงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้เรื่องการปลดพนักงานแล้ว และการประชุมแบบตัวต่อตัวเกี่ยวกับการปลดพนักงานก็เริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ซิตี้กรุ๊ปปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
รายงานระบุว่า การพูดคุยกันเรื่องการปลดพนักงานนี้มีขึ้น หลังซิตี้กรุ๊ปซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐประกาศเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) ว่า จะลดลำดับขั้นการบริหารงานและปลดพนักงาน โดยนางเจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิตี้กรุ๊ป จะเข้ามาควบคุมธุรกิจโดยตรงมากขึ้นภายใต้ความพยายามในการกระตุ้นกำไรและราคาหุ้น โดยนางเฟรเซอร์ระบุว่านี่เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษของซิตี้กรุ๊ป
อนึ่ง ซิตี้กรุ๊ปมีพนักงานทั้งสิ้น 240,000 ราย ณ ช่วงสิ้นไตรมาส 2 เทียบกับพนักงานประมาณ 216,000 รายของแบงก์ ออฟ อเมริกา และ 234,000 รายของเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 และ 4 ของสหรัฐตามลำดับ