ลิงด์อิน (LinkedIn) เปิดเผยในรายงานอนาคตแห่งการทำงาน : AI ในที่ทำงาน (Future of Work Report: AI at Work) ในเดือนส.ค.ระบุว่า พนักงานในสิงคโปร์นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการทำงานเร็วที่สุดในโลก จากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด 25 ประเทศ โดยข้อมูล ณ เดือนมิ.ย. 2566 พบว่า สิงคโปร์มีอัตราการเพิ่มทักษะเรื่องการใช้ AI ในประวัติการทำงานสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า เทียบกับเดือนม.ค. 2559
ขณะที่ ฟินแลนด์ติดอันดับ 2 โดยอัตราการเพิ่มทักษะเรื่องการใช้ AI ในประวัติการทำงานเพิ่มขึ้น 16 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน ไอร์แลนด์ติดอันดับ 3 โดยเพิ่มขึ้น 15 เท่า อินเดียติดอันดับ 4 โดยเพิ่มขึ้น 14 เท่า และแคนาดาติดอันดับ 5 โดยเพิ่มขึ้น 13 เท่า
ดัชนีทักษะ AI ของลิงด์อินแสดงให้เห็นว่า สัดส่วนของทักษะด้านการใช้ AI ในเดือนมิ.ย. 2566 เพิ่มขึ้น 9 เท่า เทียบกับ 3 เท่าในปี 2559
ลิงด์อินระบุว่า รายงานที่จัดทำขึ้นรายไตรมาสนี้มีขึ้นเพื่อช่วยให้กลุ่มมืออาชีพและผู้นำธุรกิจเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกของการทำงาน โดยขณะนี้พบว่าสมาชิกลิงด์อินทั่วโลกเพิ่มทักษะด้านการใช้ AI ลงในประวัติการทำงานมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลิงด์อินพบว่าสัดส่วนการประกาศรับสมัครงานภาษาอังกฤษทั่วโลกที่เอ่ยถึงเทคโนโลยี AI ใหม่ เช่น จีพีที (GPT) หรือแชตจีพีที (ChatGPT) เพิ่มขึ้นถึง 21 เท่านับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
ในเดือนมิ.ย. 2566 ตัวเลขสมาชิกลิงด์อินที่มีทักษะด้านการใช้ AI ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9 เท่าเทียบกับเดือนม.ค. 2559
รายงานระบุว่า เทคโนโลยี Generative AI หรือ GAI เช่น ChatGPT มีแนวโน้มที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานของมนุษย์ โดย 47% ของผู้บริหารสหรัฐเชื่อว่าการใช้ Generative AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพ และ 92% มองว่าทักษะมนุษย์มีความสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งหมายความว่า การมีอยู่ของ Generative AI นั้นจะไม่ทำให้มนุษย์ตกงานเสมอไป แต่จะเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานไปจากเดิม
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริหารสหรัฐของลิงด์อิน ณ เดือนมิ.ย. 2566 ระบุว่า 44% ของผู้บริหารสหรัฐจะเพิ่มการใช้งาน AI ภายในองค์กรในปีหน้า และ 40% คิดว่าการใช้ Generative AI จะช่วยปลดล็อกโอกาสด้านการเติบโตและรายได้ในปีหน้า