หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 33 ล้านล้านดอลลาร์เป็นประวัติการณ์ครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐซึ่งเป็นจำนวนเงินที่รัฐบาลกลางกู้ยืมมาเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 33.04 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันจันทร์ (18 ก.ย.)
กระทรวงฯ ระบุว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ระหว่างปีงบประมาณ 2562-2564 ส่งผลให้หนี้สาธารณะพุ่งแตะ 33 ล้านล้านดอลลาร์
การปรับลดภาษี, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้จากภาษีที่ลดลง อันเนื่องมาจากภาวะว่างงานเป็นวงกว้างในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้การกู้ยืมของรัฐบาลพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัญหาหนี้สาธารณะเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาคองเกรสเผชิญกับภาวะชะงักงันในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายที่จะทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานได้จนถึงช่วงงบประมาณหน้า โดยสภาคองเกรสมีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.ในการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่าย
ทั้งนี้ แบบจำลองงบประมาณของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียบ่งชี้ว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐลดการใช้จ่าย ขณะที่พรรคเดโมแครตสนับสนุนโครงการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เช่น กฎหมายการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า