นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า บรรดาผู้นำของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะสามารถจัดการประชุมประจำปีที่ประเทศโมร็อกโกในระหว่างวันที่ 9-15 ต.ค. ด้วยวิธีที่มีความเหมาะสม หลังจากที่โมร็อกโกประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการไอเอ็มเอฟ, นายเอเจย์ บังกา ประธานธนาคารโลก และนางนาเดีย เฟตตาห์ อลาอุย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของโมร็อกโก ประกาศเมื่อวันจันทร์ (18 ก.ย.) ว่า การประชุมที่เมืองมาร์ราเกซของโมร็อกโก จะยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าเพิ่งจะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,900 ราย ที่เทือกเขาแอตลาส ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ในแถลงการณ์ร่วมระบุว่า นางกอร์เกียวา นายบังกา และนางอลาอุย จะเปลี่ยนแปลงแผนการบางอย่างของการประชุม เพื่อปรับเนื้อหา "ให้เข้ากับสถานการณ์" ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
การประชุมดังกล่าวที่เมืองมาร์ราเกซ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 10,000 คน ซึ่งเมื่อถูกถามว่าควรเปลี่ยนแปลงอะไรในการประชุมครั้งนี้ นางเยลเลนตอบผู้สื่อข่าวว่า "ดิฉันจะยกหน้าที่การตัดสินใจในเรื่องนี้ให้กับบรรดาผู้นำของธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ สำหรับการร่วมมือกับรัฐบาลโมร็อกโก ในการพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมและเป็นไปได้"
"แน่นอนว่าเราต้องให้ความเคารพต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ และความจำเป็นใด ๆ ก็ตามที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะต้องใช้เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวได้" นางเยลเลน กล่าว
นางเยลเลน กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่มีการจัดประชุมด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) ในนิวยอร์กนั้น เธอพบว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากมีการตัดสินใจเปลี่ยนไปจัดการประชุมที่อื่น และเธอจะให้การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ทางไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก และโมร็อกโก เล็งเห็นว่าเหมาะสม