ราคาหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ร่วงลงมากถึง 24% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงช่วงเช้าวันนี้ หลังบริษัทเผยว่าไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จีนได้ดำเนินการสอบสวนบริษัทเหิงต้า เรียลเอสเตท กรุ๊ป (Hengda Real Estate Group) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอเวอร์แกรนด์ โดยสถานการณ์ล่าสุดนี้ก่อให้เกิดผลกระทบครั้งใหม่ต่อแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของเอเวอร์แกรนด์
เอเวอร์แกรนด์ระบุในแถลงการณว่า "เนื่องจากมีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อในบริษัทเหิงต้า เรียล เอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ด้วยเหตุนี้เอเวอร์แกรนด์จึงขาดคุณสมบัติในการออกหุ้นกู้ใหม่ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว"
เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เหิงต้า เรียล เอสเตท เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้เข้ามาตรวจสอบบริษัทเนื่องจากมีข้อสงสัยว่าอาจจะกระทำการละเมิดกฎระเบียบด้านการเปิดเผยข้อมูล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัญหาล่าสุดที่เอเวอร์แกรนด์กำลังเผชิญในขณะนี้ มีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเซินเจิ้นของจีนได้จับกุมตัวพนักงานหลายคนในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเอเวอร์แกรนด์ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเวลาดังกล่าว และสะท้อนให้เห็นว่าเอเวอร์แกรนด์กำลังเผชิญปัญหารุมเร้าในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงปัญหาหนี้สินมูลค่ามหาศาล
เอเวอร์แกรนด์ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหนี้มากที่สุดในโลก โดยเป็นต้นตอของวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยเอเวอร์แกรนด์อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งรวมถึง การตัดขายสินทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 3.40 แสนล้านดอลลาร์
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนภาคส่วนดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม