โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า บริษัทบัตรเครดิตในสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการขาดทุนมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งใหญ่ (Great Financial Crisis)
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ในเดือนก.ย. 2564 ตัวเลขขาดทุนของบริษัทบัตรเครดิตในสหรัฐอยู่ที่ระดับต่ำสุด แต่นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2565 ตัวเลขขาดทุนดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และนับจากนั้นเป็นต้นมา ตัวเลขขาดทุนของบริษัทบัตรเครดิตในสหรัฐก็พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในปี 2551 และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ปัจจุบัน อัตราการขาดทุนของบริษัทบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.63% ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากสถิติต่ำสุดที่เคยทำไว้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าอัตราการขาดทุนจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3% สู่ระดับ 4.93% โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชาวอเมริกันเป็นหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก
นายไรอัน แนช นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าประชาชนจะประสบปัญหาในการผิดนัดชำระหนี้ไปจนถึงกลางปี 2567 แต่คาดว่าบริษัทบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะยังไม่ขาดทุนในระดับสูงสุด จนกว่าจะถึงปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568
ทั้งนี้ นายแนชกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่การขาดทุนของบริษัทบัตรเครดิตปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอยก็ตาม
นายแนชกล่าวอีกว่า ในวงจรการขาดทุน 5 ครั้งหลังสุดในอุตสาหกรรมบัตรเครดิตนั้น มี 3 ครั้งเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ส่วนอีก 2 ครั้งเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งก็คือช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 และในช่วงปี 2558 -2562 โดยนายแนชใช้ข้อมูลในอดีตนี้เป็นแนวทางในการคาดการณ์การขาดทุนในอนาคต