สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความมุ่งมั่นของติ๊กต๊อก (TikTok) ในการขยายบริการช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเผชิญกับอุปสรรคใหญ่จากกฎระเบียบใหม่ของอินโดนีเซียที่มีม่งเป้าเพื่อปราบปรามการดำเนินงานในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดของติ๊กต๊อก
นายซุลกีฟลี ฮาซัน รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียระบุเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) ว่า อินโดนีเซียกำลังสั่งห้ามไม่ให้บริษัทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้กับการทำอีคอมเมิร์ซแบบชำระเงินโดยตรงบนแพลตฟอร์ม โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งมุ่งไปไปยังแพลตฟอร์มติ๊กต๊อกโดยตรงนั้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถโฆษณาสินค้าได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำธุรกรรมโดยตรงบนแพลตฟอร์มได้
กฎระเบียบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกระเบียบด้านการค้าใหม่ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของกระทรวงการค้า ที่อาจนำเสนออย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้ (26 ก.ย.) โดยนโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปกป้องไม่ให้วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อมของอินโดนีเซียจำนวน 64.2 ล้านราย ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 61% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต้องถูกกดดันจากอีคอมเมิร์ซของบริษัทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยในปัจจุบัน ติ๊กต๊อก เป็นโซเชียลมีเดียรายเดียวที่อนุญาตให้สามารถการทำธุรกรรมโดยตรงบนแพลตฟอร์ม
อินโดนีเซียนับเป็นตลาดแรกและตลาดที่ใหญ่ที่สุดของติ๊กต๊อก ช้อป (TikTok Shop) บริการช้อปปิ้งออนไลน์ที่กลายเป็นฟีเจอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดจากฐานผู้ใช้งานในประเทศ โดยติ๊กต๊อกกำลังยึดเอาอินโดนีเซียเป็นแม่แบบในการรุกตลาดออนไลน์อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วย
ด้วยกฎระเบียบใหม่นี้ อินโดนีเซียจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการตอบโต้ติ๊กต๊อก
ทั้งนี้ การจัดการเรื่องข้อขัดแย้งนี้กับอินโดนีเซียจะเป็นเรื่องสำคัญของติ๊กต๊อก เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกกำลังประเมินว่าอินโดนีเซีย เคลื่อนไหวอย่างไรเพื่อควบคุมการทำอีคอมเมิร์ซของติ๊กต๊อกที่กำลังเติบโตขึ้น ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่บริษัทกล่าวว่าจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในภูมิภาคนี้