นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไทมส์ ออฟ อินเดียว่า ประเทศทั่วโลกอาจไม่พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 7% ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับภาวะเศรษฐกิจชะงักงันในเวลาเดียวกับที่เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับสูง (Stagflation)
"หากมูลค่าทางเศรษฐกิจปรับตัวลงและอัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้น สิ่งนี้จะสร้างแรงกดดันต่อระบบเศรษฐกิจ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์กล่าวไว้ว่า คุณจะพบว่าใครแก้ผ้าว่ายน้ำอยู่ก็ต่อเมื่อระดับน้ำลดลง แน่นอนว่าเราจะเห็นภาพนั้นเมื่อน้ำลดลง" นายไดมอนกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนเมืองมุมไบเพื่อเข้าร่วมประชุมกับนักลงทุนของเจพีมอร์แกน
นายไดมอนซึ่งก่อนหน้านี้เคยกล่าวว่าเฟดอาจจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ความแตกต่างก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่เคลื่อนไหวจากระดับ 5% ไปเป็น 7% อาจจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เคลื่อนไหวจาก 3% ไปเป็น 5%
การแสดงความเห็นของนายไดมอนสวนทางกับที่ผู้เชี่ยวชาญรายอื่น ๆ ที่คาดการณ์ไว้ว่า เฟดใกล้ยุติวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินหลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25% ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดในขณะนี้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หากอัตราดอกเบี้ยของเฟดพุ่งขึ้นแตะระดับ 7% ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคชาวอเมริกัน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดการณ์ว่า มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเร็วที่สุดในปีนี้
ทั้งนี้ นายไดมอนกล่าวว่า "อัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0% ไปสู่ระดับ 2% หมายถึงดอกเบี้ยแทบจะไม่มีการปรับขึ้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยจาก 0% ไปสู่ระดับ 5% ทำให้คนบางกลุ่มไม่ได้ระมัดระวังตัว เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะมาถึงระดับ 5% และผมก็ไม่มั่นใจว่า ทั่วโลกมีความพร้อมที่จะรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 7% ได้หรือไม่" ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟด 12 ใน 19 คน ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และมีเจ้าหน้าที่เฟด 1 รายที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับ 6%