การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับตัวเลขที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายโอลิเวอร์ โฮลเทโมลเลอร์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคแห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเฮลลี (IWH) กล่าวว่า "เหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับการปรับคาดการณ์ครั้งนี้คือ อุตสาหกรรมและการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่เราคาดการณ์ไว้เมื่อฤดูใบไม้ผลิ"
สถาบันเศรษฐกิจทั้งห้าแห่งระบุว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจได้ถดถอยลงอีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ และโดยรวมแล้ว ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ บ่งชี้ว่าการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้คาดว่า GDP จะหดตัวลง 0.4% ในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่ประสบภาวะชะงักงัน (stagnation) ในไตรมาสที่ 2
อย่างไรก็ตาม ค่าแรงได้เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ราคาพลังงานลดลง และผู้ส่งออกได้ผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วนไปยังผู้บริโภค หมายความว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้กำลังซื้อกลับมาฟื้นตัว ดังนั้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีคาดว่าจะรุนแรงน้อยลงในช่วงปลายปีนี้
สถาบันฯ ทั้งห้าแห่งระบุว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.2% ส่วนในปี 2567 คาดว่า GDP จะเติบโต 1.3% ลดลงจากระดับ 1.5% ที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และในปี 2568 คาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัว 1.5%
นอกจากนี้ สถาบันฯ ทั้งห้าแห่งเตือนว่า ในปีต่อ ๆ ไป GDP อาจเติบโตในอัตราที่ต่ำลง เนื่องจากกำลังแรงงานหดตัวลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะอยู่ที่ 6.1% ในปีนี้ แล้วลดลงเหลือ 2.6% ในปีหน้า ส่วนในปี 2568 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 1.9%
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) คาดว่าจะอยู่ที่ 6.1% ในปีนี้ แล้วลดลงเหลือ 3.1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีมักจะปรับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจโดยอาศัยผลการคาดการณ์จากสถาบันต่าง ๆ ที่จัดทำร่วมกัน สถาบันเหล่านั้น ได้แก่ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (Ifo), สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเฮลลี, สถาบันวิจัยเศรษฐกิจโลกคีล, สถาบันวิจัยเศรษฐกิจไลบ์นิทซ์ (RWI) และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งออสเตรีย