ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง และยังเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 89,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 160,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
-- ราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
การร่วงลงของราคาน้ำมันส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงถ้วนหน้า ซึ่งรวมถึงหุ้นเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐกำลังชะลอตัวลงท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
-- จับตาญี่ปุ่นเตรียมปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีครั้งใหม่ในวันนี้ โดยบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก้) ผู้บริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีครั้งใหม่ในวันที่ 5 ต.ค.
เทปโก้ระบุว่า การปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีที่ผ่านการบำบัดในรอบนี้จะใช้เวลา 17 วัน โดยจะมีการปล่อยน้ำจำนวน 7,800 ตัน ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับการปล่อยน้ำในรอบแรก ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ส.ค. และเสร็จสิ้นในวันที่ 11 ก.ย. นอกจากนี้ เทปโก้เปิดเผยว่าผลการตรวจสอบน้ำปนเปื้อนรังสีดังกล่าวมีสารทริเทียมในระดับต่ำกว่าที่ทางการกำหนดไว้
-- นักลงทุนยังคงเกาะติดข้อมูลแรงงานของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะลดลงสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.8% ในเดือนส.ค.
-- สำนักงานบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน (FEMA) และคณะกรรมาธิการการสื่อสาร (FCC) ซึ่งต่างก็เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ ได้ทำการทดสอบระบบแจ้งเตือนภาวะฉุกเฉินแห่งชาติในเวลา 14.20 น.ของวันพุธ (4 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 01.20 น.ในวันนี้ตามเวลาไทย โดยจะมีการส่งข้อความระบุว่า "THIS IS A TEST of the National Wireless Emergency Alert System. No action is needed." หรือ "นี่คือการทดสอบระบบแจ้งเตือนภาวะฉุกเฉินแบบไร้สายแห่งชาติ ผู้ที่ได้รับข้อความนี้ไม่ต้องดำเนินการใดๆ"
ทั้งนี้ โทรศัพท์มือถือแทบทุกเครื่องในสหรัฐที่มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายของบริษัทผู้ให้บริการจะได้รับข้อความดังกล่าว พร้อมกับเสียงเตือนและระบบสั่นของโทรศัพท์มือถือ โดย FEMA ระบุว่า การทดสอบดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถส่งข้อความไปยังชาวอเมริกันหากเกิดภาวะฉุกเฉิน ซึ่งกฎหมายสหรัฐกำหนดให้ FEMA จัดการทดสอบระบบทุก 3 ปี โดยการทดสอบครั้งล่าสุดมีขึ้นในเดือนส.ค. 2564
-- จับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งรวมถึงดุลการค้าเดือนส.ค.ของออสเตรเลียและเยอรมนี ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนส.ค.