โกลบอล เอเนอร์จี มอนิเตอร์ (Global Energy Monitor) หรือ GEM ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านพลังงานของสหรัฐเผยแพร่รายงานการวิจัยในวันนี้ (10 ต.ค.) ระบุว่า อุตสาหกรรมถ่านหินโลกอาจจำเป็นต้องเลิกจ้างคนงานเกือบ 1 ล้านตำแหน่งภายในปี 2593 แม้ว่าจะไม่มีคำมั่นใด ๆ เพิ่มเติมว่าจะมีการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยจีนและอินเดียคาดว่าจะเผชิญกับภาวะการตกงานมากที่สุด
เหมืองแร่หลายร้อยแห่งที่ใช้คนงานเป็นจำนวนมากคาดว่าจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า เมื่อเหมืองเหล่านี้หมดอายุการใช้งาน และประเทศต่าง ๆ เปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานสะอาดคาร์บอนต่ำแทนการใช้ถ่านหิน
แต่เหมืองหลายแห่งที่มีแนวโน้มว่าจะปิดตัวลง ต่างไม่มีแผนที่จะดำเนินการเพื่อให้เหมืองมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น หรือแผนเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจในอนาคตที่ไม่ต้องพึ่งพาถ่านหิน
นางโดโรธี เมย์ ผู้จัดการโครงการติดตามเหมืองทั่วโลกของ GEM กล่าวว่า รัฐบาลประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องวางแผนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าคนงานจะไม่ได้ผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
"การปิดเหมืองถ่านหินเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ความยากลำบากทางเศรษฐกิจและปัญหาทางสังคมที่จะเกิดกับคนงานเหมืองเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้" นางเมย์กล่าว
GEM สำรวจโครงการเหมืองถ่านหินที่กำลังดำเนินการอยู่และกำลังเสนอการดำเนินการจำนวน 4,300 โครงการทั่วโลก ครอบคลุมคนงานทั้งหมดเกือบ 2.7 ล้านคน โดยพบว่าเหมืองต่าง ๆ ที่กำหนดยุติการดำเนินงานก่อนปี 2578 นั้น มีการจ้างคนงานมากกว่า 400,000 คน
หากมีการดำเนินการตามแผนการต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณถ่านหินลง เพื่อจำกัดภาวะโลกร้อนที่ 1.5 องศาเซลเซียส (2.7 องศาฟาเรนไฮต์) แล้วละก็ เหมืองแร่ทั่วโลกจะมีความจำเป็นต้องใช้คนงานเพียง 250,000 คนเท่านั้น หรือน้อยกว่า 10% ของจำนวนคนงานในปัจจุบัน
ทั้งนี้ GEM ประเมินว่า อุตสาหกรรมถ่านหินของจีนซึ่งเป็นอุตสาหกรรมถ่านหินใหญ่ที่สุดในโลกนั้น มีคนงานมากกว่า 1.5 ล้านคนในปัจจุบัน โดยจากการคาดการณ์ว่าคนงาน 1 ล้านคนจะถูกเลิกจ้างภายในปี 2593 นั้น เฉพาะมณฑลซานซีเพียงแห่งเดียว จะมีคนงานมากกว่า 240,000 คนที่จะตกงาน