นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่า สถานการณ์ในขณะนี้อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในรอบหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่ รวมทั้งการที่กลุ่มฮามาสก่อเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานและตลาดอาหาร การค้าโลก และความสัมพันธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์
นอกเหนือจากข้อพิพาททางทหารแล้ว นายไดมอนยังระบุถึงปัญหาหนี้สินและการขาดดุลด้านการคลังของรับาลสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงที่เกิดจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยนายไดมอนกล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูง และยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้สภาพคล่องในระบบปรับตัวลดลง
ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟด 12 ใน 19 คน ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และมีเจ้าหน้าที่เฟด 1 รายที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับ 6%
การแสดงความเห็นดังกล่าวของนายไดมอน มีขึ้นหลังจากเจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากมีรายได้จากดอกเบี้ยสูงกว่าคาด ขณะที่ต้นทุนในการให้สินเชื่อน้อยกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 4.33 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.96 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 4.069 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.963 หมื่นล้านดอลลาร์