ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (LVMH) มีความร่ำรวยลดลงมาอยู่ที่อันดับ 2 ของโลก หลังจากราคาหุ้น LVMH ถูกเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้ความร่ำรวยสุทธิของเขาหล่นลงมาต่ำกว่านายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของบริษัทอะเมซอนดอตคอม
ทั้งนี้ บริษัท LVMH เป็นบริษัทแฟชั่นระดับหรูของฝรั่งเศส และมีแบรนด์ในเครือมากมาย เช่น หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) และโมเอ็ท แอนด์ ชองดอง (Moet & Chandon)
ความร่ำรวยของนายอาร์โนลต์ลดลง 6.8 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันพุธที่ 11 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ LVMH รายงานยอดขายชะลอตัวลง ส่งผลให้ในขณะนี้ความร่ำรวยของนายอาร์โนลต์อยู่ที่ 1.551 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำกว่านายเบซอสซึ่งมีความร่ำรวยอยู่ที่ 1.563 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้นายเบซอสก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก
ในช่วงปลายปี 2565 นายอาร์โนลต์เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แซงหน้านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา เนื่องจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อสูง แต่ในเดือนพ.ค.ปีนี้ ความร่ำรวยของนายอาร์โนลต์ลดลงสู่ระดับต่ำกว่านายมัสก์อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยลดลงต่ำไปกว่าอันดับที่ 2 นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565
ความร่ำรวยที่ลดลงของนายอาร์โนลต์สะท้อนให้เห็นว่ายอดขายสินค้าแบรนด์หรูของเขาซบเซาลงอย่างมากในปีนี้ ท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากกลุ่มผู้บริโภคในสหรัฐซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ
ราคาหุ้น LVMH ร่วงลงราว 10% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสในช่วงเวลาเพียง 3 วัน หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการ ก่อนที่ราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นในวันจันทร์ (16 ต.ค.) ส่วนในปีนี้ ราคาหุ้น LVMH ร่วงลงแล้ว 1.9%
ในทางกลับกัน นายเบซอสและนายมัสก์กลับได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยนายมัสก์มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้น 9.68 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ หลังจากราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 106% ขณะที่ความร่ำรวยของนายเบซอสเพิ่มขึ้น 4.93 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ หลังจากราคาหุ้นอะเมซอนพุ่งขึ้น 58%