เอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ระบุในวันอังคาร (17 ต.ค.) ว่า X ได้เริ่มต้นทดสอบเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้งานแพลตฟอร์ม 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีสำหรับบัญชีใหม่ที่ต้องการโพสต์ข้อความหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานรายอื่น โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีศักยภาพในการลดสแปม บัญชีบอต และการรบกวนบริการบนแพลตฟอร์ม
ทั้งนี้ X ระบุว่า การทดสอบที่มีชื่อว่า "Not a Bot" ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในนิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์ โดยผู้ใช้งานรายใหม่ที่ไม่จ่ายค่าธรรมเนียม 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีจะไม่สามารถใช้งานบางอย่างได้ เช่น การเขียนข้อความ กดไลก์ ตอบข้อความ หรือบุ๊กมาร์กข้อความ
"การทดสอบครั้งนี้จะประเมินประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าวในการช่วยให้เราต่อสู้กับบอตและพวกสแปมเมอร์บน X แต่ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลในการเข้าถึงแพลตฟอร์มด้วยการจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงน้อยนิด" X ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า "กลุ่มผู้ใช้งานรายเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว"
รายงานระบุว่า ผู้ใช้งาน X รายใหม่ในนิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์จะต้องเลือกแผน "Not a Bot" หรือ "X Premium" ซึ่งเป็นบริการพรีเมียมของ X เท่านั้นจึงจะสามารถเขียนข้อความและมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ต่าง ๆ ได้
"อ่านฟรี แต่ถ้าจะเขียนต้องจ่าย 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี" นายอีลอน มัสก์ระบุผ่าน X หลังจากมีการประกาศเรื่องการทดสอบเก็บค่าบริการ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี พร้อมกล่าวเสริมว่า "นี่เป็นเพียงหนทางเดียวในการต่อสู้กับบอตโดยไม่ปิดกั้นผู้ใช้งานที่แท้จริง"
นิตยสารไทม์รายงานผ่านทางเว็บไซต์ว่า X ได้พยายามแสวงหาแหล่งรายได้ใหม่ นับตั้งแต่นายอีลอน มัสก์เข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ X ต้องแบกรับหนี้สินจากการซื้อกิจการครั้งนี้ถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ซื้อโฆษณาก็วิตกกังวลเกี่ยวกับการที่ X ผ่อนปรนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของคอนเทนต์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กประมาณการไว้ว่า X ต้องชำระดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
นางลินดา ยัคคารีโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ X กล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า ในการพลิกฟื้นรายได้นั้น X วางแผนที่จะทดสอบบริการพรีเมียม 3 ระดับและจะเปิดตัวลูกเล่นเพิ่มเติม ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับแพลตฟอร์ม เช่น การชอปปิงและการชำระเงิน โดย "X Premium" ซึ่งปัจจุบันเก็บค่าธรรมเนียม 7.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ซึ่ง X จะเก็บค่าธรรมเนียมผู้ใช้งานแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับยอดการมองเห็นโฆษณาบนบัญชีของผู้ใช้งาน