กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และ 2567 โดยระบุถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
IMF ได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 2566 ลงเหลือ 2.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.4% และได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2567 ลงสู่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.6%
รายงานล่าสุดของ IMF ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้น เป็นปัจจัยทำให้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP
IMF ยังระบุด้วยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้น มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้นด้วย
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ IMF เตือนว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น
สำหรับประเทศไทยนั้น IMF มองว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากรัฐบาลไทยออกโครงการสนับสนุนเศรษฐกิจ และผลพวงของราคาอาหารในภูมิภาคอาเซียนที่ปรับตัวลง
ทั้งนี้ IMF คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.5%