เทสลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 หลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นแรงซื้อ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เทสลาเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 66 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 73 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.335 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.41 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2562 ที่ทั้งกำไรและรายได้ของเทสลาออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เทสลายังระบุด้วยว่า อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 17.9% เทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 25.1% โดยในเวลานั้นเทสลายังไม่ได้เริ่มประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้า ส่วนในไตรมาส 2 ปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.2%
ในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2566 ซึ่งมีขึ้นในวันพุธ (18 ต.ค.) เทสลายังคงเป้าหมายการทำยอดขายต่อปีไว้ที่ 1.8 ล้านคัน ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า เทสลาอาจจำเป็นต้องปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงอีก จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายดังกล่าวได้ เนื่องจากบริษัทเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวลงเป็นวงกว้าง
เทสลาประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงอย่างมากนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นลงกว่า 6% ในไตรมาส 3 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าอ่อนแอลง