World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 20, 2023 09:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี

แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลง เนื่องจากถ้อยแถลงของนายพาวเวลได้ดับความหวังของตลาดที่ว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดใกล้จะสิ้นสุดลง การแสดงความเห็นของนายพาวเวลยังสะท้อนให้เห็นว่าภารกิจการควบคุมเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น และคาดว่าเฟดจะยังไม่เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของนายพาวเวลส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) เมื่อคืนวานนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัวของสหรัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก พร้อมกับกล่าวว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงเกินไป และเฟดจะยังคงมุ่งมั่นต่อพันธกรณีในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ตลาดแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องชะลอตัวลงเพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ พร้อมกับกล่าวถึงการดำเนินนโยบายของเฟดในอนาคตว่า เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คณะกรรมการเฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยการตัดสินใจเกี่ยวกับขอบเขตและระยะเวลาของการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงินนั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป

การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวถือเป็นการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันเสาร์นี้ และก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.

-- นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์แจ้งเตือนชาวอเมริกันทั่วโลกให้ใช้ความระมัดระวัง ในขณะที่การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ย่างเข้าสู่วันที่ 13 และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะไม่สิ้นสุดลงในเวลาอันสั้น

"นี่เป็นสงครามที่ยาวนาน และเราจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากคุณ" นายเนทันยาฮูกล่าวต่อนายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อวานนี้

-- ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวานนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

การประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.25% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังคงอยู่ที่ระดับ 6.50%

นอกจากนี้ BI ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นมาตรการป้องกันผลกระทบของเงินเฟ้อที่เกิดจากการนำเข้าสินค้า

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยเมื่อคืนวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 198,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2% สู่ระดับ 3.96 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.89 ล้านยูนิต

ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และยอดขายที่ลดลง 2% ดังกล่าว ถือเป็นยอดขายที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2553

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ปรับตัวขึ้น 5 จุด สู่ระดับ -9.0 ในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -6.8

ดัชนีได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ