บริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าบริษัทกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเงิน ท่ามกลางวิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ลุกลามเป็นวงกว้างและกำลังสั่นคลอนเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซิตี้คอร์ป อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมาย (Trustee) ของคันทรี การ์เดน ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ว่า ทางบริษัทไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ภายในระยะเวลาผ่อนผันซึ่งได้สิ้นสุดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหมายความว่า คันทรี การ์เดน อยู่ในสถานะของการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ คันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์วงเงิน 15.4 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาการผ่อนผัน (grace period) ซึ่งกำหนดไว้ 30 วัน หลังจากพลาดกำหนดการชำระหนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
การผิดนัดชำระหนี้ของคันทรี การ์เดน เกิดขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนพยายามใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการออกพันธบัตรของรัฐบาลเพื่อระดมทุนในการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน การปรับเพิ่มอัตราการขาดดุลงบประมาณ และแม้แต่การเดินทางไปเยี่ยมเยียนธนาคารกลางจีนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้อนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นได้รับโควตาในการออกพันธบัตรในปีงบประมาณ 2567 โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เม็ดเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาลครั้งใหม่นี้ จะนำไปเป็นทุนในการสนับสนุนการบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในจีน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ำในพื้นที่เขตเมือง เพื่อช่วยให้จีนมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
การออกพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากระดับ 3% ที่ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้