บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในจีนในไตรมาส 3/2566 หลังเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ที่ใช้ชิป 7 นาโนเมตรและรองรับเทคโนโลยี 5G
เคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research) เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนในจีนของหัวเว่ยเติบโตขึ้น 37% ในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี และครองส่วนแบ่งตลาดจีน 12.9% ในไตรมาส 3/2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9.1% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ยอดขายของออเนอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดในจีนเมื่อเทียบตามส่วนแบ่งตลาด ปรับตัวขึ้นเพียง 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดขายของวีโว่ ออปโป้ และแอปเปิ้ลต่างก็ลดลงเป็นหลักสิบ แต่เคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ชไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายของแต่ละบริษัท
หัวเว่ยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกมีส่วนแบ่งตลาดลดลงและเผชิญปัญหาทางธุรกิจ หลังถูกสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรหลายครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เพื่อปิดกั้นไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญ โดยเฉพาะชิปเซมิคอนดักเตอร์
ต่อมาหัวเว่ยจึงหาทางแก้ลำด้วยการออกแบบชิปของตัวเองขึ้นภายใต้แบรนด์ Kirin ซึ่งผลิตโดยบริษัท TSMC ของไต้หวัน แต่ภายหลังสหรัฐได้ออกกฎระเบียบห้ามไม่ให้ TSMC ผลิตชิปให้กับหัวเว่ย ทำให้หัวเว่ยไม่สามารถแตะต้องเทคโนโลยีที่รองรับ 5G
ทว่าในเดือนก.ย. หัวเว่ยกลับสร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ที่ใช้ชิป 7 นาโนเมตรและรองรับเทคโนโลยี 5G ในจีน ซึ่งทำให้กลุ่มผู้บริโภคในจีนแสดงความสนใจอย่างล้นหลาม โดยหัวเว่ยสามารถจำหน่ายสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ได้ถึง 1.6 ล้านเครื่องภายใน 6 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว
สมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ช่วยกระตุ้นการเติบโตของหัวเว่ย โดยนายอีวาน แลม นักวิเคราะห์อาวุโสของเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ชระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า "สมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ช่วยกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ ทำให้ยอดขายสมาร์ตโฟนของหัวเว่ยเติบโตขึ้นอย่างมากในไตรมาส 3/2566"