ขณะเดียวกัน หัวเว่ยระบุว่า รายได้สำหรับช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวขึ้น 2.4% สู่ระดับ 4.566 แสนล้านหยวน (6.233 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563 โดยสหรัฐเริ่มออกมาตรการคว่ำบาตรหัวเว่ยในปี 2562
หัวเว่ยเปิดเผยว่า กำไรสุทธิสำหรับ 3 ไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 16% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 15% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ซึ่งรายได้ของหัวเว่ยเติบโตขึ้น 3.1% สู่ระดับ 3.109 แสนล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐจะจำกัดหัวเว่ยจากการเข้าถึงเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ แต่สมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ของหัวเว่ยก็มีความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลไม่แพ้เทคโนโลยี 5G เนื่องจากใช้ชิป 7 นาโนเมตรที่ล้ำสมัย
การเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ทำให้หัวเว่ยกลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในจีนในไตรมาส 3/2566 โดยเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research) เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) ว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนในจีนของหัวเว่ยเติบโตขึ้น 37% ในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี และครองส่วนแบ่งตลาดจีน 12.9% ในไตรมาส 3/2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9.1% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช ระบุว่า ยอดขายของออเนอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดในจีนเมื่อเทียบตามส่วนแบ่งตลาด ปรับตัวขึ้นเพียง 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดขายของวีโว่ ออปโป้ และแอปเปิ้ลต่างก็ลดลงเป็นหลักสิบ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายของแต่ละบริษัท