หุ้นเทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐร่วงลงเกือบ 5% ในวันจันทร์ (30 ต.ค.) หลังมีรายงานข่าวว่า พานาโซนิคซึ่งเป็นหุ้นส่วนเก่าแก่และซัพพลายเออร์ของเทสลา ได้ลดการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3/2566 (ก.ค.?ก.ย.)
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่พานาโซนิคลดการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ลงนั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า อุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลดน้อยลง โดยเฉพาะรถ EV ราคาแพงที่อาจไม่เข้าเกณฑ์ลดหย่อนภาษีหรือมาตรการจูงใจอื่น ๆ จากโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้งในและนอกสหรัฐ โดยเซลล์แบตเตอรี่ของพานาโซนิคถูกใช้ในรถ EV รุ่นเก่าของเทสลาและรุ่นที่มีราคาสูงของเทสลา เช่น รถเอสยูวีรุ่นโมเดล เอ็กซ์ (Model X) และรถซีดานรุ่นโมเดล เอส (Model S)
ในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ของเทสลาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลาได้เตือนกลุ่มผู้ถือหุ้นว่า อัตราดอกเบี้ยได้สร้างแรงกดดันต่อเทสลาในการตรึงราคารถ EV และอาจกระทบต่อศักยภาพของผู้บริโภคในการซื้อหรือเช่าซื้อรถ EV ของทางบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ นายมัสก์ได้ออกมากล่าวหลายครั้งว่า เทสลากำลังเผชิญปัญหาที่สำคัญหลายประการในการเริ่มเดินสายการผลิตรถไซเบอร์ทรัก (Cybertruck) โดยไซเบอร์ทรักเป็นรถที่เทสลาประกาศเปิดตัวต่อสาธารณชนมานานแล้ว
หุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 18% แล้วนับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2566 โดยออร์เท็กซ์ (Ortex) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินในกรุงลอนดอนระบุว่า กลุ่มขายชอร์ตหุ้นเทสลาสามารถทำเงินได้ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงช่วงปิดตลาดวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ขณะที่มูลค่าการขายทำกำไรระยะสั้นสกุลดอลลาร์สำหรับหุ้นเทสลาอยู่ที่ประมาณ 1.808 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3.21% ณ วันที่ 27 ต.ค.