ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 3/2566 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ขาดทุนนับตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากยอดขายที่ลดลงจากการจำหน่ายยาและวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ยอดขายยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ทรุดตัวลง 97% สู่ระดับ 202 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ดิ่งลงสู่ระดับ 1.31 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 4.4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ไฟเซอร์รายงานตัวเลขขาดทุน 2.38 พันล้านดอลลาร์ หรือ 42 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3/2566 เทียบกับที่มีกำไร 1.51 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3/2565
นอกจากนี้ ไฟเซอร์มีรายได้ 1.323 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2566 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.334 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ไฟเซอร์ได้ตัดมูลค่าทางบัญชีของสต็อกยาแพกซ์โลวิดและวัคซีนป้องกันโควิด-19 คิดเป็นวงเงิน 5.6 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีการใช้ยาแพกซ์โลวิดและวัคซีนโควิด-19 ต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ ไฟเซอร์ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายวงเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้สู่ระดับ 5.8-6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัททำข้อตกลงที่จะรับคืนยาแพกซ์โลวิดจำนวนเกือบ 8 ล้านคอร์สจากรัฐบาลสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์เปิดเผยในเดือนก.พ.2565 ว่า บริษัทคาดการณ์รายได้สูงเป็นประวัติการณ์ในปีดังกล่าว โดยอยู่ที่ระดับ 98,000-102,000 ล้านดอลลาร์ จากอานิสงส์การจำหน่ายยาและวัคซีนต้านโควิด-19 โดยบริษัทคาดการณ์ยอดจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 และยอดจำหน่ายยาแพกซ์โลวิดจำนวน 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์