หุ้นบริษัทอินวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงเกือบ 5% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในวันอังคาร (31 ต.ค.) หลังจากมีรายงานระบุว่า อินวิเดียอาจจำเป็นต้องยกเลิกคำสั่งซื้อชิปล้ำสมัยมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของจีนเพื่อปฏิบัติตามมาตรการจำกัดชุดใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า อินวิเดียเพิ่งได้รับแจ้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คำสั่งซื้อชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อินวิเดียมีกำหนดส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากจีนในปีหน้านั้นเข้าเกณฑ์มาตรการจำกัดการส่งออกฉบับล่าสุดที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศ โดยบริษัทเทคโนโลยีจีนเหล่านี้ได้แก่ อาลีบาบา กรุ๊ป ไบต์แดนซ์ซึ่งเป็นเจ้าของติ๊กต๊อก และไป่ตู้
หุ้นอินวิเดียร่วง 4.7% แตะที่ 392.30 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. และลดลงเกือบ 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 493.55 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 31 ส.ค. โดยหุ้นอินวิเดียเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของดัชนี Nasdaq
"หุ้นอินวิเดียเผชิญแรงเทขายมากเกินไป" นายทอม พลัมบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทพลัมบ์ ฟันด์ส ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นอินวิเดียในระดับสูงระบุ
"ก่อนหน้านี้อินวิเดียระบุว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่จะส่งผลกระทบในระยะยาว โดยเรายังคาดการณ์ถึงไตรมาสที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและคิดว่าหุ้นอินวิเดียเหมาะที่จะถือในระยะยาว แม้เราจะไม่ซื้อหุ้นอินวิเดียเพิ่มเพราะความผันผวนก็ตาม" นายพลัมบ์กล่าว
โฆษกอินวิเดียระบุว่า มีอุปสงค์ชิปล้ำสมัยในระดับสูง ซึ่งบ่อยครั้งจำเป็นต้องอาศัยเวลามากพอสมควรในการผลิตและกำลังดำเนินการเพื่อผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในสหรัฐและพื้นที่อื่น ๆ
"มาตรการควบคุมการส่งออกชุดใหม่นี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในระยะใกล้" โฆษกของอินวิเดียระบุในแถลงการณ์