นายโจเซฟ คาลิช หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจมหภาคของบริษัทเนด เดวิส รีเสิร์ช (Ned Davis Research) เตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทะลุระดับ 7% หากเศรษฐกิจสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยที่คาดการณ์กันไว้ได้
ขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐจะเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ โดยที่ผ่านมานั้น การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของตลาดหุ้น รวมทั้งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนและกลุ่มผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นายคาลิชคาดการณ์ว่า การเทขายพันธบัตรอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ โดยปกติแล้วราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวสวนทางกัน
กระแสการเทขายในตลาดพันธบัตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น ทำให้นายคาลิชหันไปสนับสนุนการลงทุนในทองคำ และยังคงลดคำแนะนำลงทุนในตลาดพันธบัตร นอกจากนี้ นายคาลิชยังแนะนำการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงมากกว่าหุ้นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ
นายคาลิชคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (1 พ.ย.) และคาดว่า มีโอกาส 50% ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ นายคาลิชคาดการณ์ว่า แผนการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐจะประกาศในวันนี้ จะไม่ส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวน เมื่อพิจารณาจากการที่กระทรวงการคลังจะเน้นย้ำว่าตลาดพันธบัตรยังคงมีเสถียรภาพและกำหนดการกู้ยืมของรัฐบาลก็อยู่ในขอบข่ายที่คาดการณ์ได้