สำนักงานสถิติแห่งชาติ (CBS) ของอิสราเอลเผยแพร่ผลการสำรวจเมื่อวันพุธ (1 พ.ย.) ระบุว่า ธุรกิจประมาณ 51% ในอิสราเอลสูญเสียรายได้มากกว่า 50% อันเนื่องมาจากผลของความขัดระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่กำลังดำเนินอยู่ โดยระบุว่า การสูญเสียรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทนั้นถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
การสำรวจได้สุ่มตัวอย่างบริษัท 1,680 แห่งซึ่งมีพนักงาน 5 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นตัวแทนธุรกิจ 68,495 แห่งในอิสราเอล
สำนักงานสถิติแห่งชาติตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในช่วงที่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงคือ อุปสงค์สินค้าและบริการที่ลดลง การที่พนักงานไม่มาทำงาน ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย การปิดโรงเรียน รวมถึงปัญหาด้านอุปทานและการขนส่ง
ผลสำรวจระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กประมาณ 57% ซึ่งจ้างพนักงาน 5-10 คนรายงานว่ามีสูญเสียรายได้อย่างรุนแรง ในทางกลับกัน ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากว่า 250 คนได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยมีเพียง 14% เท่านั้นที่รายงานการสูญเสียรายได้อย่างรุนแรง
นอกจากนี้ มากกว่า 70% ของธุรกิจในภาคการก่อสร้าง รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ประสบกับการสูญเสียรายได้อย่างรุนแรง
ธุรกิจประมาณ 37% ระบุว่า พนักงานมากกว่า 80% ไม่สามารถมาทำงาน ส่งผลให้กิจกรรมการดำเนินธุรกิจหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง
ธุรกิจในภาคการก่อสร้างมากกว่า 62% ต้องปิดตัวลงชั่วคราว หรือใกล้จะต้องปิดตัวลง ขณะที่ธุรกิจในภาคไฮเทคและบริการทางการเงินเผชิญกับการปิดกิจการเพียง 4%
การสำรวจยังได้เน้นย้ำด้วยว่า 42% ของธุรกิจขนาดเล็กมีความเสี่ยงที่จะปิดตัวลงเนื่องจากขาดพนักงาน ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีความเสี่ยงน้อยกว่าโดยอยู่ที่ประมาณ 15%