สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโทเมอร์ ไซมอน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทไมโครซอฟท์ประจำอิสราเอล ได้ออกมาแสดงความกังวลต่ออนาคตของภาคเทคโนโลยีขั้นสูงของอิสราเอล เนื่องจากเหตุสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส โดยเตือนว่า กลุ่มบริษัทข้ามชาติอาจต้องยุติกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D)
ทั้งนี้ นายไซมอนได้แสดงความกังวลในจดหมายที่ส่งถึงนายติซาชิ ฮาเนจบี ผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล แต่ไม่ได้เคยได้รับคำตอบใด ๆ
ด้วยเหตุนี้ นายไซมอนจึงเผยแพร่เนื้อหาจดหมายดังกล่าวผ่านหนังสือพิมพ์แคลคาลิสต์ ไฟแนนเชียล เดลี่ (Calcalist financial daily) เมื่อวันพุธ (1 พ.ย.) โดยระบุว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของเขา ไม่ใช่ในนามของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติหลายร้อยแห่งที่ดำเนินกิจการในอิสราเอล นายไซมอนระบุว่า "อิสราเอลจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกเพื่อให้บริษัทข้ามชาติเติบโตต่อไปได้" โดยชี้ว่างานด้านเทคโนโลยีแต่ละงานจะช่วยสร้างงานเพิ่มถึง 5 ตำแหน่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอิสราเอล
"สถานการณ์ในอิสราเอลอันตรายอย่างมาก โดยอิสราเอลไม่สามารถกลับไปผลิตส้มแบบเดิมได้อีกต่อไป หากไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เราก็จะกลับไปเป็นประเทศโลกที่สามอีกครั้ง" นายไซมอนกล่าวเสริม
ขณะเดียวกัน นายไซมอนได้เรียกร้องให้บรรดาผู้นำสื่อสารอย่างชัดเจนไปยังพันธมิตรระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจระดับโลกว่า อิสราเอลมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ นายไซมอนเตือนว่า "กลุ่มบริษัทข้ามชาติอาจระงับหรือลดการลงทุน หลังจากวิกฤตสงคราม หรือแม้กระทั่งยุติกิจกรรม R&D ในประเทศ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของอิสราเอลและอนาคตของนวัตกรรม ตลอดจนทำให้สถานะระดับโลกของเราถดถอย และบ่อนทำลายเสถียรภาพภายในมากยิ่งขึ้น"