โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ตลาดแร่เหล็กมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะขาดแคลนในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากสต็อกอยู่ในระดับต่ำ และการผลิตลดลง "สิ่งที่ตลาดแร่เหล็กจะเผชิญในปีนี้ไม่ใช่ภาวะล้นตลาด แต่เป็นภาวะขาดตลาดอย่างชัดเจน" โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงาน
ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า การที่รัฐบาลจีนเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังจำนวนมากเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งโดยปกติแล้วการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังจะเป็นปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และสิ่งที่ตามมาคือความต้องการแร่เหล็กในจีนจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยแร่เหล็กถูกนำไปใช้ในการผลิตเหล็ก และวัสดุที่สำคัญในโครงการก่อสร้างและวิศวกรรม
ในช่วงปลายเดือนต.ค.ปีนี้ รัฐบาลกลางของจีนประกาศว่าจะออกพันธบัตรมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ (1.39 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนความพยายามในการก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปัจจัยอื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแร่เหล็กในตลาดโลกนั้น รวมถึงอุปทานที่ลดลงจากออสเตรเลียและบราซิลซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ โดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์อุปทานแร่เหล็กในตลาดโลกปี 2566 ลงสู่ระดับ 1.536 พันล้านตัน จากระดับ 1.557 พันล้านตัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอุปทานแร่เหล็กในออสเตรเลียและบราซิลลดลงอย่างมากในไตรมาส 3
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า สต็อกแร่เหล็กที่อยู่ในระดับต่ำของจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกนั้น ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้เกิดภาวะแร่เหล็กขาดแคลนในตลาดโลก
การคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนแร่เหล็กในตลาดโลกนั้น สวนทางกับที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า แร่เหล็กจะล้นตลาด โดยในเวลานั้น นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาแร่เหล็กมากถึง 20%
ส่วนปัจจุบัน โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาแร่เหล็กเกรด 62% ในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นจากระดับ 101 ดอลลาร์ต่อตัน สู่ระดับ 117 ดอลลาร์ต่อตัน และคาดว่าในปี 2567 ราคาแร่เหล็กจะพุ่งขึ้น 22% สู่ระดับ 110 ดอลลาร์ต่อตัน จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อตัน