สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวเมื่อวันจันทร์ (13 พ.ย.) ว่า บรรดาผู้บริหารระดับสูงของธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟไชน่า (ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของสินทรัพย์ ได้เดินทางถึงสหรัฐเป็นการเร่งด่วนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากธนาคาร ICBC ในสหรัฐถูกโจมตีทางไซเบอร์
กลุ่มผู้บริหารมุ่งหวังที่จะแก้ไขสถานการณ์และลดผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพยายามทำให้ตลาดคลายความวิตกด้วยการหารือและการพูดคุยทางโทรศัพท์หลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามสำคัญที่ยังไม่ได้รับคำตอบนั่นก็คือ ระบบที่ถูกโจมตีจะกลับมาใช้งานเป็นปกติได้อีกครั้งเมื่อใด
ICBC กำลังเร่งสร้างความมั่นใจว่าธนาคารสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้แล้ว หลังจากที่ถูกกลุ่มแฮกเกอร์ Lockbit ดำเนินการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ หยุดชะงักลง และธนาคารไม่สามารถจัดการกับการซื้อขายพันธบัตรสหรัฐจำนวนมากได้ และบรรดาเทรดเดอร์ต้องหาช่องทางอื่นในการทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้น โดยในขณะนี้ ธนาคารยังไม่ได้กลับมาดำเนินการตามปกติ
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) บรรดาผู้บริหารระดับสูงของ ICBC ได้เจรจากับสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงิน (SFIMA) จำนวนหลายร้อยราย เพื่อบรรเทาความกังวล แต่สมาชิกบางส่วนไม่ได้รับความชัดเจนจากคำตอบของ ICBC
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ในขณะที่ ICBC กำลังดำเนินการเพื่อทำให้สามารถเข้าสู่ระบบได้อีกครั้งนั้น ธนาคารยังต้องเผชิญกับการสืบสวนเกี่ยวกับการโจมตีที่เกิดขึ้นและการหารืออย่างต่อเนื่องกับหน่วยกำกับดูแลต่าง ๆ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ว่า ธนาคารจะกลับมาให้บริการตามปกติได้เมื่อใด
นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ICBC ยังส่งผลให้สำนักบริหารการกำกับดูแลด้านการเงินแห่งชาติจีน (NAFR) ออกแนวทางปฏิบัติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกดดันให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสาขาในต่างประเทศ ยกระดับการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจจะเกิดขึ้น