องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (15 พ.ย.) ว่า ในเดือนต.ค. มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นในเดือนต.ค. อยู่ที่ 2.52 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวน 2.5 ล้านคน ในเดือนต.ค. 2562
การท่องเที่ยวขาเข้าโดยรวมนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของญี่ปุ่น โดยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3/2566 สูงกว่าระดับก่อนช่วงโควิด เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงทำให้นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเงินเยนที่อ่อนค่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร แต่ในทางกลับกัน การอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและธุรกิจท้องถิ่น และกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะสร้างผลประโยชน์เชิงบวกจากการอ่อนค่าของเงินเยน และบรรเทาผลกระทบเชิงลบด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด
รายงานระบุว่า ในปีนี้ เงินเยนอ่อนค่าลงประมาณ 13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และประมาณ 14% เมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้แล้ว เงินเยนยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีนและเงินวอนของเกาหลี ซึ่งการอ่อนค่านี้ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น
ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 3/2566 ซึ่งหดตัว 2.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายทางธุรกิจที่ลดลง การบริโภคที่ซบเซา และการส่งออกสุทธิที่ลดลง
ด้วยเหตุนี้ การเติบโตของการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ อาจช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคได้