ราคาเนื้อสุกรจีนมีแนวโน้มตกต่ำยาวนานขึ้น ซึ่งจะบั่นทอนผลกำไรของกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรเพิ่มมากขึ้น และสร้างความยากลำบากในความพยายามที่จะผ่อนคลายแรงกดดันด้านเงินฝืดในเศรษฐกิจจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปัญหาเนื้อสุกรล้นตลาดและการบริโภคที่ซบเซาจากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมีแนวโน้มจะกดดันตลาดเนื้อสุกรในจีนต่อไป แม้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่อุปสงค์เนื้อสุกรจะแตะระดับสูงสุดก็ตาม โดยราคาเนื้อสุกรอาจจะไม่ฟื้นตัวขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
ราคาเนื้อสุกรตกต่ำนับเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดกสิกรรม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ทั่วโลกที่ส่งออกเนื้อสุกรให้กับจีน และกลุ่มเกษตรกรในสหรัฐที่ปลูกถั่วเหลืองและข้าวโพดเพื่อส่งออกเป็นอาหารเลี้ยงสุกรในจีน ขณะเดียวกันยังสร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดเงินเป็นวงกว้าง เนื่องจากเนื้อสุกรถูกนำมาคำนวณในตะกร้าสินค้าที่วัดเงินเฟ้อในจีน
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ในเดือนต.ค. โดยถูกกดดันจากราคาเนื้อสุกรที่ตกต่ำ ดังนั้น หากราคาเนื้อสุกรตกต่ำลงอีกก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินฝืดในจีน
"เราประเมินว่าราคาเนื้อสุกรคิดเป็นสัดส่วน 2.3% ในตะกร้าคำนวณเงินเฟ้อ แต่ผลกระทบจะรุนแรงขึ้น เมื่อพิจารณาจากราคาเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ทดแทนเนื้อสุกรปรับตัวลงด้วย" นายดันแคน ริกลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนของบริษัทแพนธีออน แม็กโครอีโคโนมิกส์ จำกัดระบุ
ราคาเนื้อสุกรลดลงในปีนี้ เนื่องจากมาถึงจุดสิ้นสุดของวงจรตลาดสุกรที่เฟื่องฟูแล้ว โดยวงจรดังกล่าวปกติแล้วจะกินเวลานาน 3?4 ปี โดยเหล่าเกษตรกรจะแห่กันเลี้ยงสุกรเพราะหวังโกยกำไรจากราคาเนื้อสุกรที่พุ่งทะยานขึ้น แต่เมื่ออุปทานอยู่สูงกว่าอุปสงค์ก็ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรตกต่ำลง