นายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ได้ระงับแผนการขายหุ้นในบริษัทอาลีบาบา หลังจากราคาหุ้นอาลีบาบาร่วงลงอย่างหนัก
นางเจน เจียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบุคลากรของอาลีบาบาได้ส่งจดหมายภายในถึงพนักงานของบริษัทว่า นายหม่าไม่ได้ขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียวในช่วงที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าราคาหุ้นอาลีบาบาในขณะนี้อยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นายหม่ายังไม่ตัดสินใจขายหุ้นที่เขาถือครองอยู่ในบริษัท
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เอกสารที่บริษัทอาลีบาบาได้ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ระบุว่า นายหม่าวางแผนที่จะขายหุ้นจำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 870 ล้านดอลลาร์ โดยแผนการขายหุ้นดังกล่าวมีขึ้นในวันเดียวกับที่อาลีบาบาเปิดเผยผลประกอบการ
ทั้งนี้ อาลีบาบาเปิดเผยตัวเลขกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 ของปีงบการเงินของบริษัท ขณะที่มีรายได้สูงกว่าคาด โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านหยวน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.97 หมื่นล้านหยวน แต่รายได้อยู่ที่ 2.2479 แสนล้านหยวน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2430 แสนล้านหยวน
นอกจากนี้ อาลีบาบายังได้ประกาศยกเลิกแผนปรับโครงสร้างในการแยกธุรกิจ Cloud Intelligence Group ซึ่งดูแลธุรกิจคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีสาเหตุจากการที่รัฐบาลสหรัฐมีนโยบายห้ามการส่งออกชิปที่ใช้ในธุรกิจ AI ไปยังจีน ซึ่งทำให้บริษัทจีนประสบความยากลำบากในการนำเข้าชิปจากบริษัทสหรัฐ
ทั้งนี้ การรายงานผลประกอบการและการประกาศยกเลิกแยกธุรกิจคลาวด์ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นอาลีบาบาร่วงลงกว่า 9%
ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นอาลีบาบาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งนิวไฮที่ระดับ 101 ดอลลาร์ แต่ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) หุ้นอาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 78.94 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าหากนายหม่าขายหุ้นออกมาจำนวน 10 ล้านหุ้น เขาจะได้เงินประมาณ 789.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่า 870 ล้านดอลลาร์ที่เขาควรจะได้รับ
อย่างไรก็ดี นางเจียงกล่าวว่า นายหม่ายังคงมีแผนที่จะขายหุ้นเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านายหม่ายังคงมีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของอาลีบาบา