กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันของจีนมีแนวโน้มชะลอการขยายตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 สู่ระดับประมาณ 4% โดยการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นในภาคการบินและปิโตรเคมีจะถูกหักล้างโดยการใช้น้ำมันดีเซลที่อ่อนแอลงจากผลพวงของภาวะวิกฤตแบบต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
รายงานระบุว่า อุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงของจีนเกิดขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และการเดินทางหวนคืนสู่ภาวะปกติหลังฟื้นตัวขึ้นเมื่อผ่านพ้นช่วงโรคโควิด-19 ระบาดในช่วงต้นปีนี้
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 16.41 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.2% จากระดับในปี 2566 ขณะเดียวกันสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 17.1 ล้านบาร์เรลต่อวันสำหรับตลอดทั้งปี 2567 ซึ่งขยายตัว 3.9%
แม้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นไม่มากนักในปีนี้ แต่การบริโภคน้ำมันยังคงมีแนวโน้มแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ หลังอ่อนแอลงระหว่างปี 2563?2565 จากผลพวงของการบังคับใช้มาตรการจำกัดโรคโควิด-19
โอเปกและ IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนในปีนี้จะขยายตัว 7.6% และ 12.1% ตามลำดับ
ขณะที่วู้ด แมกเคนซี (Wood Mackenzie), ไรสแต็ด เอนเนอร์จี (Rystad Energy) และเอนเนอร์จี แอสเปกต์ส (Energy Aspects) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะเติบโตที่ 3.7%, 4.0% และ 4.4% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566
การคาดการณ์เหล่านี้ทำให้แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันจากจีนสำหรับปีหน้าต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด โดยจากการคำนวณข้อมูลของ IEA โดยสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 4.5% ระหว่างปี 2559?2562