อะโดบี อะนาไลติกส์ (Adobe Analytics) เปิดเผยรายงานระบุว่า การซื้อสินค้าออนไลน์ในช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ (Black Friday) ในสหรัฐพุ่งระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์การณ์ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่คำนึงถึงงบประมาณค่าใช้จ่าย ต้องการมองหาข้อเสนอที่ดีที่สุดบนช่องทางออนไลน์
"เราพบเห็นนักชอปที่ซื้ออย่างชาญฉลาดเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยพวกเขาพยายามใช้ประโยชน์จากวันสำคัญต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อที่จะได้รับส่วนลดให้มากที่สุด" นายวิเวก พันทยา หัวหน้านักวิเคราะห์ของอะโดบี ดิจิทัล อินไซต์กล่าว
การใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยินดีที่จะใช้จ่ายมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันและราคาอาหารสูงเป็นอย่างมาก
นายพันทยามองว่าการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในวันแบล็กฟรายเดย์ อาจได้รับแรงหนุนจากการซื้อเพราะแรงกระตุ้น โดยยอดขายออนไลน์มูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์มาจากการชอปปิ้งบนโทรศัพท์มือถือ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าบรรดาอินฟลูเอ็นเซอร์และโฆษณาต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดียมีส่วนทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้จ่ายอย่างสะดวกใจบนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
อย่างไรก็ตาม นักชอปยังคงมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้าและบริหารจัดการเงินของตนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยคำนึงถึงผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว โดยผลการสำรวจของอะโดบีพบว่า ยอดขาย 79 ล้านดอลลาร์มาจากผู้บริโภคที่เลือกวิธีการชำระเงินแบบยืดหยุ่น นั่นก็คือ "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later)" ซึ่งเพิ่มขึ้น 47% จากปีที่แล้ว โดยผู้บริโภคเลือกวิธีนี้เพื่อรักษาเงินในกระเป๋าให้อยู่นานขึ้น
รายงานของอะโดบีระบุอีกว่า หมวดหมู่สินค้าที่ขายดีที่สุดในช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ ได้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ตวอทช์และโทรทัศน์ รวมถึงของเล่นและเกม ในทางกลับกัน สินค้าหมวดเครื่องมือซ่อมแซมบ้านทำยอดขายได้ไม่ดีนัก
นอกจากนี้ นายพันทยากล่าวอีกว่า สินค้าที่ขายดีที่สุดมีความเชื่องโยงโดยตรงกับสินค้าที่การเสนอส่วนลดมากที่สุด