ทั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดและเอ็นอีซีต่างมองทวีปเอเชียเป็นจุดหมายปลายทางแรกสำหรับการเปิดตัววิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ดังกล่าว ก่อนจะเปิดตัวในสหรัฐและยุโรป โดยกลุ่มผู้บริหารให้เหตุผลว่า เอเชียมีความกระตือรือร้นในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยกว่า 80% ของการทำธุรกรรมผ่านมาสเตอร์การ์ดในเอเชียเป็นแบบไร้สัมผัส ซึ่งรวมถึงการใช้บัตรเครดิตและการใช้สมาร์ตโฟน
นายคาร์ทิก รามานาธาน รองประธานอาวุโสฝ่ายโซลูชันไซเบอร์และอินเทลลิเจนซ์ประจำตลาดเอเชียแปซิฟิกของมาสเตอร์การ์ดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า มาสเตอร์การ์ดอยู่ในขั้นตอนของการเป็นพันธมิตรกับบริษัทต่าง ๆ และ "พิจารณาทดลองการใช้ระบบสแกนใบหน้าเพื่อชำระเงินในปีหน้า"
"ในฐานะที่ประจำการอยู่ในเอเชียและคอยดูแลตลาดเอเชีย ผมคิดว่าผู้บริโภคในเอเชียนั้นเหมาะที่จะทดสอบเทคโนโลยีใหม่ที่สุด และเราเชื่อมั่นว่าเอเชียเหมาะสำหรับการใช้ระบบชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้า" นายรามานาธานระบุ
ขณะเดียวกัน นายรามานาธานระบุด้วยว่า นอกจากสิงคโปร์และอินโดนีเซียแล้ว ไทย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นก็อยู่ในกลุ่มตลาดที่จะมีการเปิดตัวระบบชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้าเป็นที่แรก ๆ ในเอเชีย
อนึ่ง ลูกค้าจะต้องลงทะเบียนกรอกประวัติและบันทึกรูปภาพใบหน้าผ่านสมาร์ตโฟนเสียก่อนจึงจะสามารถใช้ระบบชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้าในร้านค้าได้ โดยในการใช้งานระบบดังกล่าวนั้นลูกค้าเพียงแค่สแกนใบหน้าผ่านแท็บเล็ตทั่วไปก็สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรูดหรือสแกนบัตรเครดิตให้ยุ่งยากอีก นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังช่วยให้ร้านค้าประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้อีกด้วยเพราะไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องบันทึกเงินสดอีกต่อไป