นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจฮ่องกงจะขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ทั้งในปี 2566 และ 2567 เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงในปี 2566 ลงสู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 4% และคาดว่า GDP ในไตรมาส 4 ของปี 2566 จะขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจจะขยายตัว 6.5%
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ฮ่องกงในปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.7% เมื่อเทียบกับเป็นรายปี จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3%
การคาดการณ์ตัวเลข GDP ปี 2566 ของนักเศรษฐศาสตร์มีความสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของรัฐบาลฮ่องกงซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจจะขยายตัว 3.2% ในปีนี้ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลระบุถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะตึงตัวด้านการเงินที่กำลังส่งผลกระทบต่อการส่งออกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยของฮ่องกงปรับตัวในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงผูกติดกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าธนาคารกลางฮ่องกงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามทิศทางเดียวกับเฟดที่ดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุก และแม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ก็คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในฮ่องกงจะยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงและมาเก๊าลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ หลังจากที่ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมูดี้ส์ระบุว่าการปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮ่องกงนั้น สะท้อนให้เห็นว่า มูดี้ส์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์ด้านการเมือง สถาบัน เศรษฐกิจ และการเงินระหว่างฮ่องกงและจีนมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก ด้วยเหตุนี้แนวโน้มที่อ่อนแอลงของจีนแผ่นดินใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกงด้วย