ดัชนีตลาดหุ้นจีนกำลังปรับตัวเข้าใกล้แนวรับสำคัญทางเทคนิค เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดิ่งลงต่ำกว่าระดับแนวรับดังกล่าวอาจจะทำให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงต่อไปอีก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทิศทางขาลงของตลาดหุ้นจีนเกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกยังคงมีมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมีความเปราะบาง และวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ย่ำแย่ลง โดยเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นจีน แม้ว่ารัฐบาลพยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ตาม
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยิ่งถดถอยลงอีก เมื่อมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ และยังได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารจีน 8 แห่งลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพด้วย โดยธนาคารดังกล่าวรวมถึง อะกริคัลเจอรัล ดีเวลลอปเมนต์ แบงก์ ออฟ ไชน่า และไชน่า ดีเวลลอปเมนต์ แบงก์
ทั้งนี้ เส้น fate line ของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นแนวรับที่ช่วยพยุงตลาดในภาวะวิกฤตช่วง 18 ปีที่ผ่านมานั้น ได้ถูกทดสอบหลายครั้งแล้วในปีนี้ ในขณะที่ดัชนี CSI 300 Index กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้นแนวโน้มในอดีต (historic trendline) หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2562 ในสัปดาห์นี้ และในวันนี้ (8 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นจีนปรับตัวผันผวน โดยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบ
ดัชนี CSI 300 ร่วงลงราว 2% ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 สวนทางกับดัชนี MSCI All-Country World Index ที่พุ่งขึ้นกว่า 8% ในเดือนเดียวกันโดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของตลาดหุ้นฮ่องกงกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้นแนวโน้มระยะยาว (long-term trendline) ที่ย้อนหลังไปถึงช่วงเกิดวิกฤตการเงินเอเชียปี 2541 ขณะที่บรรดานักลงทุนกังวลว่าดัชนีฮั่งเส็งจะปรับตัวลงอีก หากร่วงลงทะลุแนวรับดังกล่าวท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงไปแล้ว 17% และทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในบรรดาดัชนีตลาดหุ้นสำคัญของโลก