บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เปิดเผยในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ว่า เบิร์กเชียร์ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเอชพี (HP) ลงเหลือ 5.2%
ในช่วงกลางเดือนก.ย.จนถึงต้นเดือนต.ค.ปีนี้ เบิร์กเชียร์ได้ขายหุ้นเอชพีติดต่อกันยาวนานถึง 9 วัน ส่งผลให้เกิดความกังวลในตลาด และฉุดราคาหุ้นเอชพีร่วงลง
แฟคท์เซ็ต (Factset) ซึ่งบริษัทข้อมูลด้านการเงินและการลงทุนของสหรัฐระบุว่า เบิร์กเชียร์ยังคงถือครองหุ้นเอชพีจำนวน 51.5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ โดยอิงจากราคาปิดตลาดในวันจันทร์ที่ 11 ธ.ค.ที่ระดับ 30.37 ดอลลาร์ ทำให้เบิร์กเชียร์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 3 ของเอชพี ตามหลังแบล็กร็อก (BlackRock) และแวนการ์ด (Vanguard)
ข้อมูลจากรีฟินิทีฟระบุว่า ในเดือนพ.ย. เอชพีเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสไตรมาส 1 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีท แต่บริษัทยังคงตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี ซึ่งส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ยังคงมีโอกาสฟื้นตัวได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เบิร์กเชียร์ซื้อหุ้นเอชพีครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย. 2565 แต่การลงทุนดังกล่าวไม่สร้างผลกำไร เนื่องจากราคาหุ้นของเอชพียังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เบิร์กเชียร์เข้าซื้อครั้งแรก