นักวิเคราะห์กล่าวว่า ช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจเผชิญกับแรงกดดันครั้งใหญ่ หลังจากโกทู (GoTo) และติ๊กต๊อก (TikTok) ประกาศจับมือทางธุรกิจในอินโดนีเซีย
โกทูและติ๊กต๊อกประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) เพื่อให้บริการแก่วิสาหกิจขนาดย่อม รวมทั้งบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของผู้ค้าขายในประเทศอินโดนีเซีย
โกทู คือการควบรวมกิจการระหว่าง 2 บริษัทใหญ่ของอินโดนีเซีย ซึ่งก็คือ โกเจ็ก (Gojek) ยักษ์ใหญ่ด้านบริการเรียกรถโดยสาร และโทโคพีเดีย (Tokopedia) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ประกาศเมื่อวานนี้ก็คือ โทโคพีเดียและธุรกิจของติ๊กต๊อกชอป (TikTok Shop) ในอินโดนีเซีย จะควบรวมเข้าด้วยกันเพื่อขยายกิจการของโทโคพีเดียให้ใหญ่ขึ้น โดยติ๊กต๊อกจะถือหุ้นในสัดส่วน 75.01% โทโคพีเดีย และจะอัดฉีดเม็ดเงินลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ในโทโคพีเดีย
นายเจียงกาน หลี่ นักวิเคราะห์จากโมเมนตัม เวิร์กส บริษัทวิจัยเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างโกทูกับติ๊กต๊อกนับเป็น "การเดินหมากที่ชาญฉลาด" โดยชี้ว่าติ๊กต๊อกชอป จะได้รับการควบคุมการปฏิบัติงานเต็มรูปแบบ การดำเนินการอีคอมเมิร์ซอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้ประโยชน์จากคู่ค้าในท้องถิ่น
อินโดนีเซียมีผู้ใช้ติ๊กต๊อก 125 ล้านคน นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ
ด้านนายไค หวัง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาวุโสของมอร์นิงสตาร์ กล่าวว่า "เรามองว่าการควบรวมกิจการดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันให้กับช้อปปี้มากขึ้น ในขณะที่ช้อปปี้กำลังเผชิญกับความยกลำบากในการทำกำไร"
หุ้นของบริษัทซี จำกัด (Sea Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์สัญชาติสิงคโปร์และเป็นบริษัทแม่ของช้อปปี้ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดร่วงลง 5.33% แตะระดับ 37.87 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.)
บริษัทซีรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2566 ที่ระดับ 143.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตรงกันข้ามกับที่ทำกำไรสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 2/2566 ในขณะที่บริษัทมุ่งเน้นไปที่การเติบโต มากกว่าความสามารถในการทำกำไร เพื่อปกป้องส่วนแบ่งในตลาด