นักลงทุนในตลาดการเงินซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ต่างก็ผิดหวังต่อผลการประชุมกรอบงานด้านเศรษฐกิจประจำปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันและสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.)
คณะผู้นำจีน ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ให้คำมั่นในระหว่างการประชุมครั้งนี้ว่า รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายด้านอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรกในปี 2567 โดยจะสร้าง "ระบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัย" เป็นเป้าหมายแรก เพื่อผลักดันให้ระบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุดสำหรับปี 2566 นั้น ได้ถูกลดความสำคัญลงไปอยู่อันดับสอง เนื่องจากคณะผู้นำของจีนต้องการผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
แจกเกอลีน หรง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับจีนของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า "มาตรการที่มีการประกาศในการประชุมครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต่างจากเดิม และไม่มีอะไรใหม่ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ต่างก็คาดหวังว่าจะเห็นมาตรการใหม่ ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ"
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่จีนกำลังเผชิญกับทางแยกครั้งสำคัญ โดยปธน.สีพยายามมองหาแรงขับเคลื่อนใหม่ ๆ ในการพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่วิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นนั้น กลับฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนมาเป็นเวลานานนับสิบปี นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเสี่ยงของหนี้สินในประเทศ และการส่งออกที่ทรุดตัวลง ยังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ ในช่วงเวลาเดียวกับที่จีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด
ทั้งนี้ การที่นักลงทุนมีปฏิกิริยาในด้านลบต่อผลการประชุมคณะผู้นำจีนในครั้งนี้บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นจีนอาจจะซบเซาลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า