รายงานของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการสู้รบในฉนวนกาซาต่อประเทศใกล้เคียง เช่น เลบานอน อียิปต์ และจอร์แดน อาจพุ่งแตะอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และส่งผลให้ผู้คนมากกว่า 230,000 คนต้องตกอยู่ในภาวะยากจน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ 3 ประเทศอาหรับ ได้แก่ เลบานอน อียิปต์ และจอร์แดนกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการคลัง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา และอัตราการว่างงานที่สูง นอกจากนี้ สงครามดังกล่าวยังขัดขวางการลงทุนและส่งผลกระทบต่อทั้งภาคการบริโภคและการค้า โดยขณะนี้เลบานอนกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่
รายงานที่จัดทำขึ้นโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) พบว่า ความเสียหายจากความขัดแย้งในฉนวนกาซาอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับ 3 ประเทศลดลง 2.3% หรือ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจเพิ่มเป็นสองเท่าหากสงครามยืดเยื้อออกไปอีก 6 เดือน
"นี่คือผลกระทบครั้งใหญ่" นายอับดุลเลาะห์ อัล ดาร์ดารี ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและผู้อำนวยการสำนักงานระดับภูมิภาคของ UNDP ประจำรัฐอาหรับ (RBAS) ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษานี้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์
"วิกฤตครั้งนี้เป็นเหมือนระเบิดในสถานการณ์ระดับภูมิภาคที่เปราะบางอยู่แล้ว โดยทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อทิศทางในอนาคต" นายดาร์ดารีกล่าว
นายดาร์ดารีกล่าวเสริมว่า ไม่ได้เกิดการทำลายล้างในช่วงเวลาสั้น ๆ มากเท่าในฉนวนกาซานับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
"การสูญเสียที่อยู่อาศัยทั้งหมด 45%-50% ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนของการสู้รบ? เราไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของการทำลายล้างและระยะเวลานั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร" นายดาร์ดารีระบุ