นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซียวางแผนที่จะเพิ่มการใช้สกุลเงินริงกิตของมาเลเซียในการทำธุรกรรมทางการค้าแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ของเอเชีย
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ปีนี้เงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและแตะระดับสุดในรอบ 25 ปีในช่วงปลายเดือนต.ค. เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทำการค้าด้วยการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ดังนั้น สกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศที่อ่อนค่าลงจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าของประเทศนั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันอาทิตย์ (17 ธ.ค.) นายกฯอันวาร์ระบุว่า เงินริงกิตมาเลเซียยังคงอ่อนค่าลงแบบต่อเนื่อง แม้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในมาเลเซียกระเตื้องขึ้นแล้วก็ตาม
"เศรษฐกิจเติบโตดี อัตราว่างงานต่ำ เงินเฟ้อต่ำ และการลงทุนเริ่มเข้ามาแล้ว แล้วเงินริงกิตอ่อนค่าได้อย่างไร เรื่องนี้สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มีใครอธิบายได้" นายกฯอันวาร์กล่าว พร้อมระบุเสริมว่า "ครับ สาเหตุมาจากเฟด"
นายกฯอันวาร์ยอมรับว่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีความสำคัญและมาเลเซียไม่ได้คิดจะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐโดยสิ้นเชิง "ผมไม่ได้คิดจะให้มาเลเซียเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐยังคงมีความสำคัญในฐานะตัวกลางการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แต่เราต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐแบบค่อยเป็นค่อยไป"
รายงานระบุว่า มาเลเซียได้ส่งเสริมการใช้เงินริงกิตกับคู่ค้าระดับภูมิภาคบางราย โดยธนาคารกลางมาเลเซียระบุว่า 19.7% ของการทำการค้ากับไทยใช้สกุลเงินท้องถิ่น ณ เดือนก.ย. รวมถึง 17% สำหรับอินโดนีเซียและ 23.3% สำหรับจีน