เรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลวหรือก๊าซแอลเอ็นจี (LNG) กำลังเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือจากทะเลแดง เนื่องจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสคุกคามการเดินเรือ ส่งผลให้การเดินทางยาวนานมากขึ้นและเกิดความล่าช้าสำหรับการขนส่งก๊าซแอลเอ็นจี
ข้อมูลการติดตามเรือที่รวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กชี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. เรืออย่างน้อย 5 ลำได้เปลี่ยนเส้นทางออกจากน่านน้ำนอกชายฝั่งเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางที่จำเป็นสำหรับเรือจะข้ามผ่านคลองสุเอซที่เชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเรือทุกลำได้เปลี่ยนทิศทางเนื่องจากความตึงเครียดดังกล่าวหรือไม่
บริษัทขนส่งทางทะเล เช่น บีพี (BP) ของอังกฤษ และเอควินอร์ (Equinor) ของนอร์เวย์ กำลังหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางทะเลแดง เนื่องจากกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ออกมาโจมตีเรือเพื่อแสดงการสนับสนุนกลุ่มฮามาส และความรุนแรงจากการโจมตีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่กาตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตก๊าซแอลเอ็นจีรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นซัพพลายเออร์หลักของยุโรป ยังคงใช้เส้นทางทะเลแดงต่อไป
การเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินเรือดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความลำบากของการขนส่งทางทะเล โดยคลองปานามา อีกหนึ่งเส้นทางขนส่งทางทะเลที่สำคัญของโลก และเป็นเส้นทางหลักสำหรับขนส่งก๊าซแอลเอ็นจี กำลังเผชิญกับข้อจำกัดที่รุนแรงเนื่องจากภัยแล้ง ด้วยเหตุนี้ การขนส่งก๊าซแอลเอ็นจีจากสหรัฐไปยังเอเชียอาจจำเป็นต้องใช้เส้นทางที่ยาวขึ้น ซึ่งอ้อมไปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปพุ่งขึ้น 7% เมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการหยุดชะงักของกระแสพลังงาน
อย่างไรก็ตาม เอเชียเหนือซึ่งเป็นภูมิภาคที่นำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีรายใหญ่ที่สุด ยังคงมีปริมาณก๊าซสำรองเพียงพอสำหรับฤดูหนาว และบรรดาผู้ซื้อไม่ได้รีบเร่งในการแสวงหาแหล่งทางเลือกอื่นในขณะนี้