ในปีหน้าฮ่องกงจะเปิดตัวโครงการมอบสถานะผู้อยู่อาศัย (residency) ให้กับบุคคลที่เข้าไปลงทุนในฮ่องกงเป็นเงิน 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะที่ฮ่องกงเพิ่มความพยายามในการพลิกฟื้นสถานะศูนย์กลางการเงินและเพิ่มรายได้
ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางปี 2567 โดยคุณสมบัติประการหนึ่งของผู้เข้าเกณฑ์รับสถานะผู้อยู่อาศัยคือต้องลงทุน 3 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงในพอร์ตการลงทุนที่ดูแลโดยบริษัทฮ่องกง อินเวสต์เมนต์ คอร์ป (Hong Kong Investment Corp) เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมท้องถิ่น
ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ ที่สามารถลงทุนได้ ได้แก่ หุ้น ตราสารหนี้ และกองทุน ขณะที่ การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ถูกกำหนดเพดานไว้ที่ 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยไม่นับรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
นายคริสโตเฟอร์ ฮุย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบริการการเงินและการคลังฮ่องกงระบุในวันอังคาร (19 ธ.ค.) ว่า โครงการดังกล่าวมีแนวโน้มจะนำเงินเข้าฮ่องกง 1.2 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อปี พร้อมประมาณการว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการนี้ 4,000 รายต่อปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โครงการนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในการดึงดูดผู้มีความสามารถและเงินทุนเข้าสู่ฮ่องกง ในขณะที่ฮ่องกงเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากประเทศอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์ โดยฮ่องกงมีรายได้จากยอดขายที่ดินลดน้อยลงเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา นอกเหนือไปจากภาวะประชากรไหลออกนอกฮ่องกงท่ามกลางการปราบปรามทางการเมือง
รายงานระบุว่า โครงการดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ "แผนเข้าเมืองผ่านการลงทุน" (Capital Investment Entrant Scheme) ซึ่งนายจอห์น ลี ผู้บริหารเกาะฮ่องกงประกาศขณะแถลงนโยบายต่อสาธารณชนในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
อนึ่ง ฮ่องกงเคยใช้โครงการดังกล่าวมาแล้วในปี 2546 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก่อนระงับไปในปี 2558 โดยการที่รัฐบาลฮ่องกงกลับมาใช้โครงการนี้อีกครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นานหลายปีทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว