รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า คำเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับสัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียที่อาจจะสูงถึง 100% นั้น เป็นการคาดการณ์ในกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (worst-case scenario) และไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แน่นอน (fait accompli)
การแสดงความเห็นของรัฐบาลอินเดีย มีขึ้นหลังจาก IMF ออกรายงานทบทวนเศรษฐกิจครั้งที่ 4 โดยประเมินว่า ภายในปีงบประมาณ 2571 สัดส่วนหนี้สินในภาครัฐของอินเดีย ซึ่งรวมถึงหนี้รัฐบาลกลางและหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น อาจแตะระดับ 100% ของ GDP ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ขณะเดียวกันรายงานของ IMF ระบุว่า สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ของอินเดียซึ่งอยู่ที่ 81% ในปี 2565/66 อาจจะลดลงแตะต่ำกว่า 70% ภายในปีงบประมาณ 2571 ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของอินเดียชี้แจงว่า การประเมินของ IMF นั้นเป็นกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แน่นอน ดังนั้น การตีความใด ๆ ที่รายงานระบุเป็นนัยว่าหนี้สินของรัฐบาลจะสูงกว่าระดับ 100% ของ GDP นั้น ถือเป็นการตีความที่ผิด
การแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าอินเดียมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ฟิทช์ เรตติ้งส์ออกรายงานคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) ว่า อินเดียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก โดย GDP จะขยายตัว 6.5% ในปี 2567-2568 ขณะที่การขยายตัวของ GDP ของอินเดียในปี 2566-2567 ซึ่งเป็นปีงบประมาณปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 6.9%
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ รีเสิร์ชคาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีนี้ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียจะอยู่ที่ 6.2% สูงที่สุดในบรรดาประเทศขนาดใหญ่ 13 แห่งในปี 2567 ขณะที่จีนตามมาเป็นอันดับ 2 โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 4.8%