ทั้งนี้ โครงการ "อาร์กติก แอลเอ็นจี 2" ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดก๊าซ LNG โลกของรัสเซียจากเดิม 8% สู่ 20% ภายในปี 2573 เดิมทีก็ตกที่นั่งลำบากอยู่แล้วเนื่องจากถูกสหรัฐคว่ำบาตรหลังรัสเซียรุกรานยูเครนและเกิดภาวะขาดแคลนเรือบรรทุกน้ำมัน
ซีเอ็นโอโอซี จำกัด (CNOOC Ltd) และบริษัทไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัฐบาลจีน ถือหุ้นบริษัทละ 10% ในโครงการ "อาร์กติก แอลเอ็นจี 2" ส่วนโนวาเทก (Novatek) ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซ LNG รายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เป็นผู้ควบคุมโครงการดังกล่าวและถือหุ้นในโครงการนี้อยู่ 60%
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า CNOOC และ CNPC รวมถึงโททาลเอนเนอร์ยีส์ มิตซุยและ JOGMEC ของญี่ปุ่น ซึ่งมีหุ้นในโครงการ "อาร์กติก แอลเอ็นจี 2" บริษัทละ 10% ได้ประกาศว่าเกิดเหตุสุดวิสัยในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โนวาเทก, CNOOC, JOGMEC และโททาลเอนเนอร์ยีส์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ส่วน CNPC และมิตซุยปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
หนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์รายงานว่า การระงับการเข้าร่วมดังกล่าวอาจทำให้โครงการ "อาร์กติก แอลเอ็นจี 2" สูญเสียสัญญาอุปทานก๊าซ LNG ระยะยาว ขณะเดียวกันโนวาเทกต้องระดมทุนให้กับโครงการด้วยตนเองและต้องจำหน่ายก๊าซจากโครงการดังกล่าวในตลาดสปอต