สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 29.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แม้ภาคเอกชนของจีนเผชิญกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลงจนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีจากธุรกิจหลักอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (ประมาณ 2.83 ล้านดอลลาร์) ส่วนในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนอยู่ที่ระดับ 6.98 ล้านล้านหยวน ลดลง 4.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งดีกว่าในช่วง 10 เดือนแรกที่ลดลง 3.4% รายงานของ NBS ระบุว่า รายได้ของบริษัทอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ ลดลง 6.2% ในช่วง 11 เดือนแรก ขณะที่รายได้ของบริษัทอุตสาหกรรมที่ลงทุนโดยต่างชาติ ลดลง 8.7% และกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมในภาคเอกชนของจีน เพิ่มขึ้น 1.6% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีนมีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5% ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งส่งเสริมการฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่การฟื้นตัวยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความอ่อนแออย่างต่อเนื่อง แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่เพิ่มสูงขึ้น และความท้าทายอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่การเรียกร้องให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม