ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า นายจ้าว ฉางเผิง หรือซีซี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไบแนนซ์ โฮลดิงส์ ซึ่งกระทำความผิดในคดีละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐและมีแนวโน้มที่จะถูกตัดสินจำคุกในปีหน้านั้น มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้น 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นกว่า 160% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ความร่ำรวยของนายจ้าวปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากการถือหุ้นใหญ่ในไบแนนซ์ ขณะที่นายไบรอัน อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทคอยน์เบส โกลบอล รวมทั้งนายเทเลอร์ วินเคิลวอสส์ และนายคาเมรอน วินเคิลวอสส์ สองพี่น้องผู้ก่อตั้งบริษัทเจมิไน ทรัสต์ (Gemini Trust) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซี ก็มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นายจ้าวกำลังเผชิญกับการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หลังจากที่เขายอมรับสารภาพต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในเมืองซีแอตเทิลเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ว่า เขาได้กระทำผิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ นอกจากนี้ ในการขึ้นศาลวันดังกล่าว ไบแนนซ์ได้ยอมรับว่า บริษัทได้อนุญาตให้กลุ่มฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ทำธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีบนแพลตฟอร์มของไบแนนซ์
รายงานระบุว่า บริษัทไบแนนซ์ยอมตกลงจ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงไกล่เกลี่ยระดับองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยไบแนนซ์ถูกตั้งข้อหา 3 กระทง ได้แก่ การต่อต้านกฎหมายฟอกเงิน การดำเนินธุรกิจโอนเงินโดยไม่มีใบอนุญาต และการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
ขณะนี้นายจ้าวยังคงพำนักอยู่ในสหรัฐตามคำสั่งของนายริชาร์ด โจนส์ ผู้พิพากษาศาลแขวงเมืองซีแอตเทิล เพื่อรอการพิพากษาคดีละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเขาอาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 18 เดือน หลังจากเขายอมรับสารภาพและตัดสินใจที่จะไม่ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอลดหย่อนโทษ