ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สได้ทำการวิเคราะห์กลุ่มบริษัทกลาโหมจำนวน 15 ราย เช่น บริษัทบีเออี ซิสเต็มส์ (BAE Systems Plc) ของอังกฤษและบริษัทฮันฮวา แอโรสเปซ (Hanwha Aerospace) ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตอาวุธรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พบว่า ณ สิ้นปี 2565 ยอดคำสั่งซื้ออาวุธคั่งค้างรวมกันอยู่ที่ 7.776 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 7.012 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีก่อนหน้า
รายงานระบุว่า กระแสการซื้ออาวุธยังดำเนินมาถึงปีนี้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดคำสั่งซื้ออาวุธคั่งค้างรวมกันอยู่ที่ 7.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เดินหน้าสั่งซื้ออาวุธ ทำให้บริษัทผลิตอาวุธมีงานล้นมือในการผลิตสินค้าให้ทันกำหนดเวลาส่งมอบ
แรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านอาวุธแบบต่อเนื่องทำให้นักลงทุนหันมาสนใจหุ้นกลุ่มกลาโหมเพิ่มมากขึ้น โดยหุ้นกลุ่มกลาโหมบนดัชนี MSCI ดีดตัวขึ้น 25% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วนหุ้นกลุ่มการบินและกลาโหมบนดัชนี STOXX ของตลาดหลักทรัพย์ยุโรป พุ่งขึ้นกว่า 50% ในช่วงเวลาเดียวกัน
หุ้นกลุ่มกลาโหมที่พุ่งสูงขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังมองว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะยังคงทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการซื้ออาวุธ
ด้านสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์มเปิดเผยข้อมูลว่า การใช้จ่ายด้านการทหารโลกรวมทั้งสิ้นเพิ่มขึ้น 3.7% สู่ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในแง่ที่แท้จริงในปี 2565